หากจะพูดถึงกีฬาชนิดหนึ่งที่สื่อให้เห็นศิลปะ วัฒนธรรมของชาติไทยเรานั้น กีฬาแรกที่ทุกคนจะต้องนึกถึงกีฬาคือ “มวยไทย” เนื่องจากมวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่มีมาช้านาน เป็นการโจมตีคู่ต่อสู้โดยใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งหมัด, เข่า, ศอกและเท้า มวยไทยเป็นกีฬาที่แพร่หลายในระดับนานาชาติในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทีนี้เราจะมาดูกันว่ามวยไทยมีประวัติความเป็นมาอย่างไรและทำไมถึงได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในกีฬาสากล
ประวัติมวยไทย
มวยไทยถือเป็นกีฬาประจำชาติไทยเป็นศิลปะป้องกันตัวที่มีพื้นฐานมาจากการใช้ทางงานการทหาร เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู ราวพุทธศตวรรษที่ 13 ตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัยมวยไทยได้ชื่อว่าเป็นศิลปะทั้ง 8 แขนง เนื่องจากมีการใช้จุดสัมผัสทั้ง 8 จุดคือ หมัด, เข่า, ศอก และเตะ จุดต่างๆเหล่านี้ต่างจากการต่อสู้แบบยืนอื่นๆ เช่น มวย คาราเต้ เป็นต้น
กองทัพไทยยุคแรกเกิดจากความจำเป็นในการทหารเพื่อปกป้องราชอาณาจักรและทหารได้รับการฝึกให้สู้รบด้วยอาวุธและปราศจากอาวุธ เมื่อเวลาผ่านไปวิวัฒนาการของการฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวนี้ทำให้เราได้รู้จักกับมวยไทยโบราณและมวยไทยอย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้
เนื่องจากมีการศึกสงครามกับอาณาจักรหรือชนเผ่าต่างๆ ในอาณาจักรใกล้เคียงมาหลายศตวรรษมวยไทยจึงกลายเป็นวิถีของชาวไทย(สยาม)ในขณะนั้นหนึ่ง หนึ่งในเรื่องราวที่โด่งดังที่สุดมาจวบจนทุกวันนี้ที่เราได้ยินกันคือ “นายขนมต้ม” ผู้ที่ยิ่งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่องเล่ามีอยู่ว่า “นายขนมต้มสามารถเอาชนะทหารพม่าถึงเก้าคนติดได้ในระหว่างที่พวกเขาถูกจองจำหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาถูกปิดล้อม” ปัจจุบันจะมีวันเฉลิมฉลองเป็นวันมวยไทยใน วันที่ 17 มีนาคมของทุกปี
ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มวยไทยได้กลายเป็นกีฬาประจำชาติอย่างเป็นทางการโดยมีการกำหนดกฎกติกาและข้อบังคับต่างๆ มาใช้อย่างสากล ทุกวันนี้มวยไทยได้รับการฝึกฝนและแข่งขันไม่ใช่อยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ยังได้แพร่หลายไปยังทั่วโลกอีกด้วย
เทคนิคการต่อสู้ที่เรียกว่า “มวยไทย”
เทคนิคการต่อสู้แบบมวยไทยแบ่งออกเป็นเทคนิคต่างๆ ได้อย่างไรบ้างเรามาดูกันเลย
- เทคนิคการโจมตี
- เทคนิคการป้องกัน
- เทคนิคการตอบโต้
โดยการที่จะฝึกมวยไทยให้เชี่ยวชาญได้นั้นเราต้องอาศัยการฝึกเทคนิคต่างๆ ซ้ำๆ จนเกิดเป็นความเคยชินของกล้ามเนื้อ การฝึกฝนมวยไทยสามารถเริ่มต้นได้จากการเรียนรู้ท่าทางและเทคนิคการเคลื่อนไหวต่างๆเป็นพื้นฐาน เช่น เมื่อคางเข้าที่ร่างกายถูกรักษาให้ตั้งตรงและมือเราก็จะอยู่ในตำแหน่งป้องกันเพื่อที่จะป้องกันศีรษะของตนเองและเท้าก็จะถูกแยกออกจากกันประมาณเท่าความกว้างของไหล่ ถ้าผู้ฝึกถนัดซ้ายให้เท้าขวาไปด้านหน้าเล็กน้อยและให้เท้าซ้ายอยู่ด้านนอกประมาณ 45 องศา คนถนัดขวาก็ทำตรงกันข้าม ท่านี้จะช่วยให้นักมวยอยู่ในความสมดุลและเตรียมพร้อมที่จะโจมตีหรือป้องกันเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม เทคนิคการโจมตี ประกอบด้วยหมัด, เข่า, ศอกและกอด เทคนิคการป้องกัน ประกอบด้วย บล็อก, เอนหลัง, โกงตัว, จับขาและหลบ
ซึ่งเทคนิคต่างๆเหล่านี้ผสมผสานและจับคู่เพื่อรวมกันเป็นชุดหรือท่าทางผสมผสานที่สามารถใช้ในการต่อสู้ตัวอย่าง เช่นท่าผสมผสานที่มักถูกสอนและใช้คือ การเตะต่ำแบบกระทุ้งข้าม เทคนิคการโจมตีแต่ละรูปแบบมีรูปแบบต่างๆ มากมาย ต่อไปเรามาดูกันว่ามีเทคนิคและรูปแบบอะไรบ้าง
- ต่อย หมัด ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ใช้มากที่สุดในมวยไทย เทคนิคการชกหลักๆ ได้แก่ หมัดนำตรง (กระทุ้ง) หมัดหลังตรง (กากบาท) อัปเปอร์คัต ตะขอ หมัดเหนือศีรษะ และกำปั้นหมุนกลับ พลังหมัดถูกสร้างขึ้นด้วยความเร็วตั้งแต่เท้าขึ้นไป ผ่านการขยับน้ำหนัก และการหมุนของสะโพกและไหล่
- ข้อศอก ศอก เป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายของคนเรา ทำให้เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขันมวยไทย มีหลายวิธีในการขว้างศอก ด้านข้างไปที่ศีรษะ จากบนลงล่าง ย้อนกลับมาที่คาง ศอกลอยจากบนลงล่าง และหมุนศอกกลับ เมื่อดำเนินการอย่างเหมาะสม การฟาดด้วยศอกอาจทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงหรือสร้างบาดแผลลึกที่สามารถยุติการต่อสู้ได้ด้วยการหยุด
- เตะ ลูกเตะ มวยไทยเป็นอาวุธทำลายล้างที่ส่งผ่านหน้าแข้ง การเตะจะถูกส่งจากด้านนอกโดยเหวี่ยงแขนไปด้านหลังพร้อมกับหมุนสะโพกด้านในเพื่อสร้างแรง การเตะสามารถขว้างไปที่ขาของคู่ต่อสู้ (เรียกว่าการเตะต่ำหรือการเตะขา) ลำตัว แขน หลังหรือศีรษะ นอกจากนี้การเตะด้านข้างแบบมาตรฐานแล้ว การเตะของมวยไทยยังสามารถส่งได้หลายวิธี เช่น การเตะกระโดด การเตะหลังแบบหมุน การเตะด้วยขวาน (จากบนลงล่างโดยเอาส้นเท้าแตะที่ศีรษะของคู่ต่อสู้) และการเตะแบบกายกรรมกงล้อตามแบบที่มวยไทยนิยม ตำนานแสนชัย
- เข่า ในมวยไทยมักจะใช้เป็นอาวุธที่ไว้ใช้ในระยะประชิดใช้ระหว่างการกอด เข่ามักจะถูกโยนไปที่ลำตัว โดยเฉพาะบริเวณชายโครง แต่ทั้งนี้อาจรวมถึงที่ต้นขาและตรงไปที่ศีรษะด้วย การกระโดดตีเข่าสามารถทำลายล้างได้หากลงสู่พื้นดิน และเมื่อนักชกใช้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับอาวุธอื่นๆ ของมวยไทย เข่า ก็สามารถใช้ในการยุติการต่อสู้ได้ด้วยการน็อคเอาต์โยนเข่าด้วยขาหลังเพื่อสร้างแรงมากขึ้น นักชกสามารถโยนตรงหรือแนวทแยงกับกอดเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระยะที่โดดเด่น นอกจากนี้ยังสามารถส่งไปยังหัวของคู่ต่อสู้ด้วยการกระโดดได้อีกด้วย
- ถีบ การเตะแบบกด เรียกว่า “ถีบ” ในมวยไทย สามารถใช้ได้ทั้งในเชิงรับและเชิงรุก สามารถใช้เป็นเทคนิคในการรักษาระยะห่างของคู่ต่อสู้และขัดขวางการรุกหรือโจมตีหากส่งด้วยพลังและความแม่นยำ มี 2-3 วิธีในการใช้ถีบ รวมถึงการเตะด้านหน้าตรงๆ ที่สามารถส่งไปยังช่องท้อง ขานำ หรือแม้แต่ใบหน้าเพื่อแสดงอำนาจเหนือ นอกจากนี้ยังสามารถโยนถีบเป็นเตะด้านข้างด้วยขาหลัง หรือกระโดดเตะด้านหน้าเพื่อพลังที่มากขึ้น
- กอด สำหรับการกอดในมวยไทยนั้น เป็นเทคนิคการต่อสู้ที่มักใช้ร่วมกับการศอกและตีเข่า การกอดเป็นรูปแบบการต่อสู้ในระยะประชิดที่ต้องในเวลาในฝึกฝนหลายปีจึงจะเกิดความชำนาญ อนุญาตให้ทำการเทคดาวน์หรือสะดุดคู่ต่อสู้กับพื้นและดำเนินการระหว่างการกอด เมื่อใช้เอฟเฟกต์ที่ถูกต้อง การกอดกันจะช่วยให้นักชกมีคะแนนเหนือกว่าคู่ต่อสู้และชนะการต่อสู้ได้
มวยไทยถูกบรรจุให้เป็นกีฬาระดับสากล
มวยไทยถึงแม้จะมีรากฐานมาจากศตวรรษที่ 13 เดิมทีได้รับการพัฒนาสำหรับการต่อสู้ประชิดตัวในสงคราม เมื่อเวลาผ่านไป มันพัฒนามาเป็นศิลปะการต่อสู้และกีฬาต่อสู้ที่เรารู้จักในทุกวันนี้
แม้ว่าจะยังคงเป็นกีฬาที่มีการสัมผัสกันเต็มรูปแบบ แต่ด้วยยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงและเนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นที่หันมาฝึกฝนมวยไทยด้วยเหตุผลหลายประการ ในขณะที่หลายๆ คนยังคงแข่งขันกันบนสังเวียน แต่ก็มีจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นที่ฝึกมวยไทยด้วยเหตุผลด้านออกกำลังการและสันทนาการ ปัจจุบัน มวยไทยได้รับการยอมรับจากผู้ฝึกทุกเพศทุกวัยทั่วโลก
และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2023 คณะกรรมการโอลิมปิกและพาราเกมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (USOPC) ประกาศรองรับชนิดกีฬามวยไทยให้เป็นกีฬาในระดับสากลนับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ยกระดับกีฬาประจำชาติสู่เวทีสากลระดับโลก
อ้างอิง
คณะกรรมการโอลิมปิกฯ รับรอง “มวยไทย” เป็นชนิดกีฬาในเวทีสากล
https://www.prachachat.net/politics/news-1184907