“มวย” เป็นมรดกวัฒนธรรมของคนไทย ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานาน (ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเกิดขึ้นครั้งแรกตอนไหน รัชกาลที่เท่าไหร่) ซึ่งเป็นได้ทั้งศิลปะการต่อสู้-ป้องกันตัว และกีฬา คล้ายกับกีฬาของประเทศอื่น ๆ เช่น เทควันโดของเกาหลี คาราเต้ของญี่ปุ่น ฯลฯ และถ้าหากคุณสนใจในกีฬาประเภทนี้ และต้องการทำความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อเป็น “ความรู้” ก่อนตัดสินใจแทงมวยออนไลน์ เราก็ได้ทำการรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ มาให้คุณได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน? ไปติดตามพร้อม ๆ กับเราได้เลย
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของ “มวยไทย”
สำหรับคนที่ต้องการทราบ “ไทม์ไลน์” ของกีฬามวยไทยแบบคร่าว ๆ เราได้รวบรวมมาให้เรียบร้อยแล้ว รับประกันได้เลยว่าคุณจะไม่พลาดช็อตเด็ดของมวยไทยในอดีตแม้แต่ช็อตเดียว แต่จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร เริ่มต้นครั้งแรกจากสมัยไหน และมีอะไรเกิดขึ้นกับกีฬามวยของไทยบ้าง เรารวบรวมมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว ไปทำความเข้าใจกันเลย!
- “พระเจ้าเสือ” หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 โปรดปรานการชกมวยอย่างมาก จนถึงขั้นปลอมตัวเพื่อชกมวยกับชาวบ้าน และชนะคู่ต่อสู้ถึง 3 คน (มีระบุไว้ในหนังสือศิลปะมวยไทย ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ) ได้แก่ นายกลาง (หมัดตาย), นายใหญ่ (หมัดเล็ก) และนายเล็ก (หมัดหนัก) ซึ่งทั้งสามเป็นนักมวยฝีมือดีของเมืองวิเศษไชยชาญ
ด้วยความโปรดปรานดังกล่าว ส่งผลให้มีการฝึกมวยในพระราชสำนักอย่างแพร่หลาย จนขยายไปสู่บ้านและวัด ซึ่งถือเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชามวยไทยอย่างดี และนักมวยเด่น ๆ มากฝีมือในยุคหลัง ๆ ก็เกิดจากการฝึกฝนกับพระสงฆ์ในวัด ที่เป็นขุนศึกเก่าแทบทั้งสิ้น
- นักมวยที่มีฝีมือเก่งกาจจะมีโอกาสได้รับราชการ และมีความก้าวหน้าสูง โดยเฉพาะการเป็นทหารในส่วนราชการ ที่ในสมัยก่อนเรียกกันว่า “ทนายเลือก” ซึ่งเป็นกรมที่ดูแลนักมวยโดยเฉพาะ ประกอบกับมีหน้าที่พิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้แก่พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น
- ครั้งที่ “นายขนมต้ม” ถูกจับเป็นเชลย เมื่อปี พ.ศ.2310 พม่าได้จัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะหลังจากที่ทำศึกสงครามกับไทย และสุกี้พระนายกองได้คัดเลือกนายขนมต้ม ให้ขึ้นชกกับนักมวยพม่า จนสามารถเอาชนะได้มากถึง 10 คน ตามที่ รังสฤษฏิ์ บุญชลอ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “พม่าแพ้พ่ายให้กับนายขนมต้มหมดทุกคน พระเจ้ากรุงอังวะถึงกลับชมเชยว่า แม้คนไทยจะไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ก็ยังมีพิษสงรอบตัว” (หมายความว่านักมวยไทยมีฝีมือที่ได้รับการยอมรับ)
- ในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็น “เจ้าเมืองตาก” มีทหารเอกคู่ใจที่มีความสามารถด้านมวยไทยอย่างมาก (อยู่แนวหน้าของทนายเลือก) ซึ่งก็คือ นายทองดี ฟันขาว (จ้อย) ชาวเมืองพิชัย ซึ่งต่อมาได้เป็น “พระยาพิชัยดาบหัก” เจ้าเมืองพิชัยนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือไทม์ไลน์ของมวยไทย ที่เริ่มตั้งแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากมายนัก จนกระทั่งมีนักมวยมากฝีมือ มียศมีศักดิ์มากมาย แถมกีฬามวยไทยยังคงได้รับการชื่นชม และได้รับความสนใจต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะนอกจากจะมีท่าไม้ตายที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังช่วยป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้เป็นอย่างดีด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเสี่ยงโชคจากการ “แทงมวย” ได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งในส่วนนี้ก็มีจุดเริ่มต้นมาเป็นเวลานานแล้วเช่นเดียวกัน แต่จะถือกำเนิดตั้งแต่รัชกาลไหนเป็นรัชกาลแรก ในส่วนนี้ประวัติศาสตร์ไม่สามารถชี้ชัดได้
จากมวยไทยมุ่งสู่ “กีฬาต่อสู้เพื่อป้องกันตัว” ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
มวยไทยได้รับการพัฒนามากกว่าเมื่อก่อน ด้วยการจัดให้มีการชกมวยแบบสวมนวมชก และนับคะแนนแพ้ชนะ รวมถึงมีการกำหนดยกเช่นเดียวกับมวยสากล รวมถึงมีค่ายมวยเกิดขึ้นหลายค่าย มีนักมวยที่มีชื่อเสียงหลายคน ในสมัยนั้น (รัชกาลที่ 6) “เจ้าเชตุ” ได้ตั้งสนามมวยในที่ดินของตัวเอง เพื่อนำรายได้จากมวยไทยไปบำรุงกิจการทหาร แต่ก็ต้องหยุดไปเพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง การแข่งขันมวยไทยก็กลับมาได้รับความนิยม และเฟื่องฟูอีกครั้ง เนื่องจากประชาชนในสมัยนั้นยังไม่ความสนใจอย่างล้นหลาม
ในเวลาต่อมากีฬามวยไทยได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น จนได้มีการจัดตั้ง “สมาคมมวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทย” ด้วยการกำหนดให้การชกมวยไทยจำเป็นจะต้องมีเครื่องป้องกันอันตราย ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแข่งมวยไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการถ่ายทอดสดการชกมวยทางรายการโทรทัศน์มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงต่างจังหวัดที่มีค่ายมวยเกิดขึ้นหลายแห่ง ส่งผลให้ธุรกิจมวยเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนับเป็นการเปิดโอกาสให้นักมวยมากฝีมือที่เป็นคนต่างจังหวัด มีโอกาสเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ มากยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นของ “การชกมวยอาชีพ” ถือกำเนิดนักมวยชื่อดังมากมาย
จุดเริ่มต้นของการชกมวยอาชีพ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2488 ด้วยการจัดตั้งสนามมวยราชดำเนินขึ้น รวมถึงมีนักมวยที่มีชื่อเสียงหลายคนเดินทางมาชกมวยเป็นจำนวนมาก โดยมีความพิเศษคือ “สามารถชกมวยข้ามรุ่นได้” และในเวลาต่อมา (วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2499) สนามมวยลุมพินีได้เปิดขึ้นอีกแห่ง โดยทั้ง 2 สนามนี้ถือเป็น “สนามมวยมาตรฐานของประเทศไทย” จากการจัดแบ่งประเภทนักมวยเป็นรุ่นต่าง ๆ ตามน้ำหนักตัว
นอกจากนี้ยังเป็นการถือกำเนิดของ “กติกามวยไทยอาชีพ” ฉบับ พ.ศ.2498 ซึ่งแก้ไขและปรับปรุงมาจาก ฉบับ พ.ศ.2480 ของกรมพลศึกษา สำหรับการถ่ายทอดสดการชกมวยไทยจากสนามมวยราชดำเนินครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2498 หลังจบการแข่งขันทำให้ชาวต่างชาติเดินทางมาฝึกมวยไทย และได้ทำการจัดแข่งขันมวยไทยอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน และไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงแม้แต่น้อย
ศิลปะและแก่นแท้ของมวยไทย กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการชกมวยในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่เพียงความสนุกสนาน และความตื่นเต้นเฉกเช่นเมื่อก่อน เนื่องจากมี “ผลแพ้ชนะ และผลประโยชน์” เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย จนทำให้ศิลปะและแก่นแท้ของกีฬามวยไทย กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบันได้มีการเรียนมวยไทยในระดับบัณฑิตศึกษา อย่าง “วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนโบราณ” ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยได้มีการเปิดหลักสูตรต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตสาขามวยไทย ในปี พ.ศ.2546
- หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา ในปี พ.ศ.2548
- หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา (ปัจจุบันได้มีการเปิดสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จึงได้มีการยกเลิกหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต)
ซึ่งหลักสูตรต่าง ๆ ส่งผลให้มวยไทยเริ่มพัฒนาเข้าสู่วิชาการเรียนการสอน เพื่อการอนุรักษ์และแสวงหาคุณค่าทางภูมิปัญญาไทยมากยิ่งขึ้น โดยมีคณะอาจารย์ประจำหลักสูตรแขนงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดร.ศักดิ์ชัย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมสภามวยไทยสมัครเล่นโลก, ดร.แสวง วิทยพิทักษ์ กรรมการเทคนิคผู้ตัดสินมวยไทย จากสนามมวยราชดำเนิน และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย มาช่วยกันสร้างสรรค์จรรโลงให้องค์ความรู้ของบรรพบุรุษที่มีมานานนับ 2,000 ปี ยั่งยืนตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน
เป็นอย่างไรกันบ้าง? สำหรับประวัติความเป็นมาของ “มวยไทย” นับเป็นมีจุดเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน และมีความน่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ? นอกจากจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยแล้ว คุณยังสามารถนำมาเป็นศิลปะป้องกันตัว ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย แต่แนะนำให้เรียนรู้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ ให้ถูกวิธี เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เจ็บตัวได้ง่าย ๆ นอกจากนี้หากคุณต้องการ “หารายได้เสริม” ก็สามารถแทงมวยออนไลน์ตามเว็บต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ขอบอกเลยว่าแต่ละเว็บให้อัตราการจ่ายเงินรางวัลสูงมาก ช่วยพลิกชะตาชีวิตของคุณให้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
อ้างอิง
ประวัติกีฬามวยไทย
http://it.udontech.ac.th/natee/work2-1/HTML/WorkM/6029010016/page1.html